วันพุธที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

Review/แนะนำ การใช้งาน 1 โปรแกรม (week 8)

สวัสดีชาวบล็อกเกอร์ทุกท่านเช่นเคยจ้าา พบกับลี่ และการเดินทางที่ใกล้สิ้นสุด
จะวีค 9 แล้วนะเออ
วันนี้โจทย์คือแนะนำการใช้งานโปรแกรม 1 โปรแกรม
ลี่ก็คิดนะ ตอนแรกจะเอาตามเทรนด์ช่วงนี้ เฟซบุ๊ค ไลน์ อินสตราแกรม 
แต่เพื่อนก็ทำกันไปเยอะแล้วนี่สิ ถ้างั้นเรามาแนะนำโปรแกรมที่คนอาจรู้จักน้อยแต่มีประโยชน์
มากกกกกก กันดีกว่า! 


 YTD Downloader 
โปรแกรมโหลดคลิปจากยูทูปแสนสะดวก
ท่านเคยประสบปัญหาอยากได้คลิปอยากได้เพลงจากยูทูปหรือไม่ ?
เราสามารถช่วยท่านได้ !

==========================

แนะนำการใช้งาน
*โปรแกรมสามารถหาได้ทั่วไปตามกูเกิ้ลเลย*


1. เมื่อเราดาวน์โหลดโปรแกรมมาเรียบร้อย หน้าตาเมื่อเปิดขึ้นมาจะเป็นแบบนี้
วิธีการดาวน์โหลดคือ ให้เราไปเลือกคัดลอก URL คลิปที่ต้องการมาจากยูทูป


คัดลอกมาเลยยยย นั่นแหละ ถูกแล้ววววว


2. คัดลอกเสร็จ ก็ใส่ไปในช่อง Paste URL เลือกโฟลเดอร์เก็บไฟล์ของเรา
แล้วกดดาวน์โหลด


3. รอ Progress *ไฟล์ที่ได้จะเป็นไฟล์ MP4*
ถ้าใครอยากได้ไฟล์เป็น MP4 ก็เสร็จสิ้นแล้ว
แต่ถ้าอยากได้ไฟล์สกุลอื่น ไปดูกันต่อเลย


4. เมื่อดาวน์โหลดเสร็จ ให้มาที่หน้า Convert 
กดเลือกไฟล์ที่เราได้มาเมื่อครู่


5. เมื่อเลือกไฟล์เสร็จ ให้เราตั้งค่าให้เรียบร้อย เช่น
จะแปลงไฟล์เป็นไฟล์อะไร คุณภาพระดับไหน เสียงต้องเพิ่มมากกว่าเดิมหรือไม่
และอย่าลืมดูโฟลเดอร์ที่เราต้องการให้ไฟล์ไปอยู่
กด Conver Video เลยจ้า


รอ Progress สีส้มๆ


6. เมื่อเรียบร้อย กดเปิดโฟลเดอร์เป้าหมายของเรา 
จะได้ไฟล์มาเรียบร้อยจ้า !

==========================

VIDEO

สำหรับคนอยากศึกษาเพิ่มเติมจ้า


==========================
เป็นไงบ้างสำหรับโปรแกรมนี้ สะดวกสุดๆ แถมทำง่ายอีกต่างหากเนอะ
อ๊ะ วันนี้ลี่ต้องไปก่อนละ ขอบคุณทุกคนมากจ้าาาาา

 เครดิต
ไม่มีจ้า ทำเองล้วนๆ อิอิ


วันพุธที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

คอมพิวเตอร์และระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ (Week7)



วัสดีจ้าาา พบกับลี่อีกแล้ว วันนี้ลี่มีเรื่องดีๆ เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์มาเสนอกับทุกคน 
เป็นเรื่องใกล้ตัวมากๆเลยล่ะขอบอก จะเป็นเรื่องอะไรนั้น ป้ะ เราไปดูกันเล้ยยย

***************
เครือข่ายคอมพิวเตอร์ หรือ คอมพิวเตอร์เน็ตเวิร์ก 
(อังกฤษ: computer network; ศัพท์บัญญัติว่า ข่ายงานคอมพิวเตอร์
คือเครือข่ายการสื่อสารโทรคมนาคมระหว่างคอมพิวเตอร์จำนวนตั้งแต่สองเครื่องขึ้นไปสามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลกันได้ 
การเชื่อมต่อระหว่างอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ต่างๆในเครือข่าย (โหนดเครือข่าย) 
จะใช้สื่อที่เป็นสายเคเบิลหรือสื่อไร้สาย 

เครือข่ายคอมพิวเตอร์ที่รู้จักกันดีคือ อินเทอร์เน็ต


การที่ระบบเครือข่ายมีบทบาทสำคัญมากขึ้นในปัจจุบัน เพราะมีการใช้งานคอมพิวเตอร์อย่างแพร่หลาย จึงเกิดความต้องการที่จะเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์เหล่านั้นถึงกัน เพื่อเพิ่มความสามารถของระบบให้สูงขึ้น และลดต้นทุนของระบบโดยรวมลง

***************

ระบบเครือข่ายจะถูกแบ่งออกตามขนาดของเครือข่าย 
ซึ่งปัจจุบันเครือข่ายที่รู้จักกันดีมีอยู่ 6 แบบ ได้แก่

เครือข่ายภายใน หรือ แลน (Local Area Network: LAN) 
เป็นเครือข่ายที่ใช้ในการ เชื่อมโยงกันในพื้นที่ใกล้เคียงกัน เช่นอยู่ในห้อง หรือภายในอาคารเดียวกัน

เครือข่ายวงกว้าง หรือ แวน (Wide Area Network: WAN) 
เป็นเครือข่ายที่ใช้ในการ เชื่อมโยงกัน ในระยะทางที่ห่างไกล อาจจะเป็น กิโลเมตร หรือ หลาย ๆ กิโลเมตร

เครือข่ายงานบริเวณนครหลวง หรือ แมน (Metropolitan area network : MAN)



เครือข่ายของการติดต่อระหว่างไมโครคอนโทรลเลอร์ หรือ แคน (Controller area network) : CAN) 

เป็นเครือข่ายที่ใช้ติดต่อกันระหว่างไมโครคอนโทรลเลอร์ (Micro Controller unit: MCU)

เครือข่ายส่วนบุคคล หรือ แพน (Personal area network) : PAN) 
เป็นเครือข่ายระหว่างอุปกรณ์เคลื่อนที่ส่วนบุคคล เช่น โน้ตบุ๊ก มือถือ อาจมีสายหรือไร้สายก็ได้

เครือข่ายข้อมูล หรือ แซน (Storage area network) : SAN) 
เป็นเครือข่าย (หรือเครือข่ายย่อย) ความเร็วสูงวัตถุประสงค์เฉพาะที่เชื่อมต่อภายใน
กับอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลชนิดต่างกันด้วยแม่ข่ายข้อมูลสัมพันธ์กันบนคัวแทนเครือข่ายขนาดใหญ่
ของผู้ใช้

หลังจากนี้จะเป็นอุปกรณ์เครือข่ายนะจ๊ะ

เซิร์ฟเวอร์ (Server) หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า เครื่องแม่ข่าย 
เป็นเครื่องคอมพิวเตอร์หลักในเครือข่าย ที่ทำหน้าที่จัดเก็บและให้บริการไฟล์ข้อมูลและทรัพยากรอื่นๆ กับคอมพิวเตอร์เครื่องอื่น ๆ ใน เครือข่าย โดยปกติคอมพิวเตอร์ที่นำมาใช้เป็นเซิร์ฟเวอร์มักจะเป็นเครื่องที่มีสมรรถนะสูง
 และมีฮาร์ดดิสก์ความจำสูงกว่าคอมพิวเตอร์เครื่องอื่น ๆ ในเครือข่าย

ไคลเอนต์ (Client) หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า เครื่องลูกข่าย 
เป็นคอมพิวเตอร์ในเครือข่ายที่ร้องขอ บริการและเข้าถึงไฟล์ข้อมูลที่จัดเก็บในเซิร์ฟเวอร์ 
หรือพูดง่าย ๆ ก็คือ ไคลเอนต์ เป็นคอมพิวเตอร์ ของผู้ใช้แต่ละคนในระบบเครือข่าย


ฮับ (HUB) หรือ เรียก รีพีตเตอร์ (Repeater) 
คืออุปกรณ์ที่ใช้เชื่อมต่อกลุ่มคอมพิวเตอร์ ฮับ มีหน้าที่รับส่งเฟรมข้อมูลทุกเฟรมที่ได้รับจากพอร์ตใดพอร์ตหนึ่ง ไปยังพอร์ตที่เหลือ คอมพิวเตอร์ที่เชื่อมต่อเข้ากับฮับจะแชร์แบนด์วิธหรืออัตราข้อมูลของเครือข่าย เพราะฉะนั้นถ้ามีคอมพิวเตอร์เชื่อมต่อมากจะทำให้อัตราการส่งข้อมูลลดลง

เนทเวิร์ค สวิตช์ (Switch) 
คืออุปกรณ์เครือข่ายที่ทำหน้าที่ในเลเยอร์ที่ 2 และทำหน้าที่ส่งข้อมูลที่ได้รับมาจากพอร์ตหนึ่งไปยังพอร์ตเฉพาะที่เป็นปลายทางเท่านั้น และทำให้คอมพิวเตอร์ที่เชื่อมต่อกับพอร์ตที่เหลือส่งข้อมูลถึงกันในเวลาเดียวกัน ดังนั้น อัตราการรับส่งข้อมูลหรือแบนด์วิธจึงไม่ขึ้นอยู่กับคอมพิวเตอร์ ปัจจุบันนิยมเชื่อมต่อแบบนี้มากกว่าฮับเพราะลดปัญหาการชนกันของข้อมูล

เราต์เตอร์ (Router)
เป็นอุปรณ์ที่ทำหน้าที่ในเลเยอร์ที่ 3 เราท์เตอร์จะอ่านที่อยู่ (Address) ของสถานีปลายทางที่ส่วนหัว (Header) ข้อแพ็กเก็ตข้อมูล เพื่อที่จะกำหนดและส่งแพ็กเก็ตต่อไป เราท์เตอร์จะมีตัวจัดเส้นทางในแพ็กเก็ต เรียกว่า เราติ้งเทเบิ้ล (Routing Table) หรือตารางจัดเส้นทางนอกจากนี้ยังส่งข้อมูลไปยังเครือข่ายที่ให้โพรโทคอลต่างกันได้ เช่น IP (Internet Protocol) , IPX (Internet Package Exchange) และ AppleTalk นอกจากนี้ยังเชื่อมต่อกับเครือข่ายอื่นได้ เช่น เครือข่ายอินเทอร์เน็ต

บริดจ์ (Bridge) 
เป็นอุปกรณ์ที่มักจะใช้ในการเชื่อมต่อวงแลน (LAN Segments) เข้าด้วยกัน ทำให้สามารถขยายขอบเขตของ LAN ออกไปได้เรื่อยๆ โดยที่ประสิทธิภาพรวมของระบบ ไม่ลดลงมากนัก เนื่องจากการติดต่อของเครื่องที่อยู่ในเซกเมนต์เดียวกันจะไม่ถูกส่งผ่าน ไปรบกวนการจราจรของเซกเมนต์อื่น และเนื่องจากบริดจ์เป็นอุปกรณ์ที่ทำงานอยู่ในระดับ Data Link Layer จึงทำให้สามารถใช้ในการเชื่อมต่อเครือข่ายที่แตกต่างกันในระดับ Physical และ Data Link ได้ เช่น ระหว่าง Eternet กับ Token Ring เป็นต้น
บริดจ์ มักจะถูกใช้ในการเชื่อมเครือข่ายย่อย ๆ ในองค์กรเข้าด้วยกันเป็นเครือข่ายใหญ่ เพียงเครือข่ายเดียว เพื่อให้เครือข่ายย่อยๆ เหล่านั้นสามารถติดต่อกับเครือข่ายย่อยอื่นๆ ได้

เกตเวย์ (Gateway) 
เป็นอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ที่เชื่อมต่อเครือข่ายต่างประเภทเข้าด้วยกัน เช่น การใช้เกตเวย์ในการเชื่อมต่อเครือข่าย ที่เป็นคอมพิวเตอร์ประเภทพีซี (PC) เข้ากับคอมพิวเตอร์ประเภทแมคอินทอช (MAC) เป็นต้น

***************
องค์ประกอบพื้นฐานของเครือข่ายคอมพิวเตอร์ 
- คอมพิวเตอร์อย่างน้อย 2 เครื่อง
- เน็ตเวิร์คการ์ด(NIC : Network Interface Card)
- สายสัญญาณและอุปกรณ์รับส่งข้อมูล เช่น เราท์เตอร์ เกตเวย์ เป็นต้น
- โปรโตคอล(Protocol) หรือ ภาษาที่คอมพิวเตอร์ใช้สื่อสารผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์
- ระบบปฏิบัติการเครือข่าย(NOS : Network Operating System)

***************
ประโยชน์ของเครือข่ายคอมพิวเตอร์


- สามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
- สามารถแชร์ซอฟแวร์และฮาร์ดแวร์ได้ เช่น เครื่องพิมพ์ สแกนเนอร์ ฮาร์ดดิสก์ เป็นต้น
- สามารถรวมการจัดการไว้ในเครื่องที่เป็น server
- สามารถใช้จดหมายอิเล็กทรอนิกส์(e-mail) เพื่อติดต่อผู้ที่อยู่ไกลกันได้อย่างรวดเร็ว
- การสนทนาผ่านเครือข่าย(chat)
- การประชุมทางไกล(video conference)
- ประหยัดค่าใช้จ่ายในการซื้อซอฟแวร์และฮาร์ดแวร์จำนวนมาก เนื่องจากใช้ร่วมกันได้

***************
เครือข่ายคอมพิวเตอร์
***************
เอาล่ะ วันนี้ลี่คงต้องขอลาไปก่อน ไว้เจอกันใหม่คราวหน้า จะเรื่องอะไร อย่าลืมมาติดตามกันนะ!
อ้อ ลี่อยากฝากให้ช่วยกันเม้นต์ข้อความข้างใต้นี้ด้วยนะ จะติชมอะไรก็ว่ามาเลย ขอบคุณมากๆ น้าาาา
เครดิต


วันพุธที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

วิเคราะห์ข้อสอบ O - NET คอมพิวเตอร์ (5 ข้อ)

วิเคราะห์ข้อสอบ O - NET คอมพิวเตอร์ (5 ข้อ)

วัสดี FC ทุกท่านเช่นเคยจ้าา สำหรับวันนี้ลี่มีเรื่องน่าสนใจเกี่ยวกับข้อสอบโอเน็ตวิชาคอมพิวเตอร์
มาฝากกัน โดยลี่จะมาวิเคราะห์ข้อสอบให้ดูจ้า ข้อสอบจะเป็นแนวไหน เราลองมาดูกันเล้ยยยย

-------------------------------

ข้อ 1. การหาสินค้าและบริการผ่านทางเครือข่ายอินเทอร์เน็ต เรียกว่าอะไร (ข้อสอบO-NET ปี 2553)
1. E-Payment
2.E-Learning
3.E-Sourcing
4.E-News
ตอบ 3
วิเคราะห์
ข้อ 1. E-Payment : ระบบชำระเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์
ข้อ 2. E-Learning : การเรียนผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์
ข้อ 3. E-Sourcing : จัดซื้อจัดหาผ่านอิเล็กทรอนิกส์
ข้อ 4. E-News : หนังสือพิมพ์ผ่านอิเล็กทรอนิกส์

ข้อ 2. ข้อใดเป็นการปฏิบัติที่ถูกต้องตามหลักวิชาการเมื่อศึกษาค้นคว้าหาข้อมุลจากอินเทอร์เน็ตมาทำรายงาน (ข้อสอบO-NET ปี 2554)
1. คัดลอกเนื้อหาจากเวปไซต์
2. ใช้เนื้อหาจากกระดานสนทนา (web board) มาใส่ในรายงาน
3. นำรูปภาพจากเวปไซต์มาใส่ในรายงาน
4. อ้างอิงชื่อผู้เขียนบทความ
ตอบ 4
วิเคราะห์
ข้อ ถูกต้อง เพราะการทำรายงาน ผู้จัดทำจะต้องให้เกียรติเจ้าของเนื้อหาข้อมูลนั้นๆ โดยการให้เครดิตอ้างอิง ข้ออื่นเป็นการคัดลอกความคิดของผู้อื่นมาใส่ล้วนๆ

ข้อ 3. การพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (Electronics Commerce) หมายถึงข้อใด
1. การสั่งโทรเลข สั่งซื้อสินค้า
2. การส่งแฟกซ์ติดต่อการค้า
3. การใช้บัตรเครดิตชำระเงินค่าสินค้า
4. การค้าขายที่กระทำผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์
ตอบ 4
วิเคราะห์
การพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ หมายถึง การทำธุรกรรมทางเศรษฐกิจที่ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ เช่น การซื้อขายสินค้าและบริหาร การโฆษณาสินค้า การโอนเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น


ข้อ 4. ห้องสมุดแห่งหนึ่งต้องการพัมนาระบบยืมหนังสือโดยสามารถบันทึกข้อมูลการยืมหนังสือลงบนบัตรอิเลคโทรนิกส์โดยไม่ต้องเขียนด้วยมือระบบนี้ควรใช้เทคโนโลยีในข้อใด
1.  Smart  Card          
2.  Fingerprint
3.  Barcode                
4.  WiFi
ตอบ 3
วิเคราะห์
บาร์โค้ด(barcode) หรือในภาษาไทยเรียกว่า รหัสแท่งประกอบด้วยเส้นมืดประกอบด้วยเส้นมืด 
(มักจะเป็นสีดำ) และเส้นสว่าง(มักเป็นสีขาว)วางเรียงกันเป็นแนวดิ่ง เป็นรหัสแทนตัวเลขและตัวอักษร 
ใช้เพื่ออำนวยความสะดวกให้เครื่องคอมพิวเตอร์สามารถอ่านรหัสข้อมูลได้ง่ายขึ้น 
โดยใช้เครื่องอ่านบาร์โค้ด (Barcode Scanner) ซึ่งจะทำงานได้รวดเร็วและช่วยลดความผิดพลาดในการคีย์ข้อมูลได้มาก

ข้อ 5. ข้อใดไม่ใช่ระบบปฏิบัติการที่นำมาใช้บนอุปกรณ์พกพาประเภท  Smartphone
1.  Ubuntu       2.  Iphone  os
3.  Android      4.  Symbian
ตอบ 1
วิเคราะห์ 
Ubuntu คือกลุ่มของคนที่พัฒนาระบบปฏิบัติการ เพื่อให้สามารถนำไปใช้กับ เครื่องคอมพิวเตอร์ทั้งที่เป็นเครื่องแบบผู้ใช้งานทั่วไป (Client) หรือแบบเครื่องแม่ข่าย (Server) เหมาะกับผู้ใช้ตามบ้าน และโรงเรียนที่ไม่ต้องการมีค่าใช้จ่ายเรื่องซอฟต์แวร์ลิขสิทธิ์ โดยมีการรวมเอาโปรแกรมประยุกต์ประเภทเวิร์ด หรือพาวเวอร์พอยต์ อินเทอร์เน็ต ไว้ด้วย
-------------------------------
สำหรับวันนี้ แค่ 5 ข้อก็เหนื่อยแล้ว ลี่ขอลาไปก่อน ไว้พบกันใหม่จ้าาา


เครดิตเนื้อหาข้อมูล

วันพุธที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

เรื่องที่นักเรียนสนใจ (Week5) ; Clean Food!

สวัสดีค่าาาา พบกับลี่เช่นเคย สำหรับบล็อกในวันนี้ มีหัวข้อเกี่ยวกับเรื่องที่นักเรียนสนใจ
ลี่เลยจะมาแนะนำให้ทุกคนได้รู้จักกับกระแสการรับประทานอาหารที่มาแรงในตอนนี้
นั่นก็คือ "อาหารคลีน" นั่นเอง แต่อาหารคลีนคืออะไรล่ะ ? แล้วกินอย่างไร ?ได้อะไร ? 
เราไปทำความรู้จักกับอาหารคลีนกันเลย!  
******************
อาหารคลีน คืออะไร ?



อาหารคลีน (Clean Food) หรือที่คนส่วนใหญ่เรียกกันว่า กินคลีน (Eat Clean, Clean Eating) คือ การทานอาหารที่สด สะอาด โดยเน้นการทานอาหารแบบธรรมชาติไม่ผ่านการปรุงแต่งและขัดสีด้วยสารเคมีต่างๆ หรือกระบวนการหมักดอง รวมถึงอาหารขยะและอาหารสำเร็จรูป ที่จะมีปริมาณแป้ง 
ผงชูรสและโซเดียมในปริมาณสูง 

หรืออาจพูดให้เข้าใจได้ง่ายว่า การทานอาหารคลีนนั้นเป็นการกินอาหารให้ถูกหลักโภชนาการ 
โดยทานอาหารอย่างพอเพียงครบสัดส่วนทั้ง หมู่ และอาหารเหล่านั้นต้องไม่มีสารปนเปื้อนนั่นเอง 
ซึ่งอาหารคลีนนั้นอาจผ่านการปรุงแต่งบ้างเล็กน้อย หรืออาจจะไม่ผ่านการปรุงแต่งเลยก็เป็นได้ 
เช่นใช้เกลือในการปรุงอาหารรสเพียงเล็กน้อยแทนน้ำปลา หรืออาจจะเป็นซีอิ๊วขาวชนิดที่ไม่มี
ผงชูรสเจือปน และจะไม่ใช้ผงชูรสในการปรุงอาหาร เป็นต้น
******************

ตัวอย่างของวัตถุดิบที่จะนำมาทำอาหารคลีน


เช่น ผักและผลไม้ที่ปลอดสารพิษ 
เนื้อสัตว์ชนิดต่างๆที่สดและสะอาด 
ข้าวกล้องไม่ขัดสีและธัญพืชต่าง ๆ
น้ำมันมะพร้าว หรือ น้ำมันมะกอก ซึ่งเป็นน้ำมันชนิดที่มีกรดไขมันชนิดดี 
ใช้แทนน้ำมันปาล์มได้ และควรใช้ในปริมาณที่น้อย 
อีกทั้งในการปรุงอาหารไม่ควรปรุงให้อาหารคลีนของเรานั้นมีรสจัดจนเกินไป 
และในทุกๆ มื้อควรจะมีสารอาหารในอาหารคลีนของเราให้ครบ 5 หมู่อีกด้วย


******************

กินคลีน กินอย่างไร



การทานอาหารคลีนนั้นคนส่วนใหญ่มักจะเข้าใจว่า เป็นการเน้นทานอาหารจำพวกผักในปริมาณเยอะๆ แต่แท้จริงแล้วนั้น การกินอาหารคลีนเป็นการทานอาหารให้ครบสัดส่วน 5 หมู่ 
โดยเน้นทานอาหารทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นคาร์โบไฮเดรต โปรตีน ไขมัน ผักและผลไม้ 
ให้มีปริมาณที่พอเหมาะพอเพียงต่อความต้องการของร่างกาย

อาหารคลีนนั้นส่วนใหญ่จะไม่ยึดติดกับรสชาติ แต่จะเน้นความเป็นธรรมชาติมากกว่า 
ดังนั้นผู้ที่ทานอาหารคลีนจึงต้องเริ่มจากการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการทานอาหารใหม่ทั้งหมด 
โดยค่อยๆ ปรับตัวไปเรื่อยๆ ในขั้นแรกนั้นควรเลือกทานอาหารที่คงความเป็นธรรมชาติไว้ให้มากที่สุด ผ่านการปรุงแต่งน้อยที่สุด เช่น 
จากเดิมเคยทานข้าวขาวก็เปลี่ยนเป็นข้าวกล้อง 
หรือ เคยทานผลไม้กระป๋องเป็นประจำก็หันมาเลือกทานผลไม้สดแทน 
จากที่เคยดื่มชากาแฟก็เปลี่ยนมาดื่มน้ำเปล่าหรือน้ำผลไม้แทน 
นอกจากนี้การทานอาหารคลีนนั้นเวลาจะเลือกซื้อวัตถุดิบหรืออาหาร ควรเลือกที่ปลอดสารเคมี ไม่ใช้วัตถุกันเสีย สารกันบูด 
วัตถุปรุงแต่ง หรืออาจจะเลือกซื้อวัตถุดิบที่เป็นออร์แกนิคก็ได้ เพราะเป็นของที่ปลอดสารเคมีนั่นเอง 
อีกทั้งยังควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีปริมาณน้ำตาลสูงเช่น น้ำอัดลม เบเกอรี่ รวมทั้งอาหารมันอีกด้วย
 ******************

ประโยชน์ของอาหารคลีน



การทานอาหารคลีนแตกต่างจากอาหารทั่วไป เพราะต้องเลือกอาหารที่หลากหลาย
แต่เน้นความเป็นธรรมชาติ ไม่ผ่านการปรุงแต่งมากนัก ดังนั้นผู้ที่ทานอาหารคลีนจึงได้รับสารอาหาร 
และคุณค่าทางอาหารครบถ้วนสมบูรณ์มากกว่าอาหารทั่วไปที่ผ่านการปรุงแต่งมาก 
อีกทั้งยังช่วยให้ร่างกายไม่ได้รับสารปนเปื้อนจากอาหารอีกด้วย 
ดังนั้นอาหารคลีนจึงส่งผลดีต่อสุขภาพในระยะยาว ทั้งยังช่วยให้สุขภาพร่างกายแข็งแรง

 ******************

อาหารคลีนเหมาะกับใคร



อาหารคลีนเป็นอาหารเพื่อสุขภาพที่มีประโยชน์ และได้คุณค่าจากสารอาหารครบถ้วนทั้ง 5 หมู่ ไม่ว่าจะเป็นคาร์โบไฮเดรต โปรตีน ไขมัน ผัก และผลไม้ ในปริมาณที่เหมาะสมกับความต้องการของร่างกาย 

และยังเป็นอาหารที่ผ่านการปรุงแต่งน้อยที่สุดหรือไม่ผ่านการปรุงแต่งเลย จึงทำให้ร่างกายได้รับประโยชน์จากอาหารเต็มที่ 
ส่งผลดีต่อสุขภาพ อาหารคลีนจึงเหมาะสำหรับคนที่ลดน้ำหนักและรักสุขภาพเป็นอย่างยิ่ง

******************

อาหารคลีนกับการลดน้ำหนัก



อาหารคลีนเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกของคนอยากผอม เพราะนอกจากจะเป็นอาหารเพื่อสุขภาพแล้วยังช่วยลดน้ำหนักได้อีกด้วย ซึ่งถ้าเลือกทานอาหารคลีนในปริมาณที่เหมาะสม ควบคู่ไปกับการออกกำลังกายไปด้วย นอกจากจะช่วยลดน้ำหนักแล้ว ยังช่วยให้สุขภาพดีอีกด้วย นอกจากนี้อาหารคลีนยังเป็นอาหารที่อุดมไปด้วยไฟเบอร์ ซึ่งเป็นสารที่พบมากในอาหารที่ไม่ผ่านการขัดสี โดยมีส่วนช่วยให้ระบบขับถ่ายสามารถทำงานได้ดีนั่นเอง
******************

วิดีโอแนะนำอาหารคลีนเพื่อสุขภาพจ้า

******************
เครดิตเนื้อหาข้อมูล