วันอังคารที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2558

โปรแกรมภาษาคอมพิวเตอร์(c/c++/c#/Java) ; C, C++ (Week4)



สวัสดีfcทู้กกกกท่านนนนนจ้า วันนี้ลี่มีเรื่องราวน่าสนใจและใกล้ตัวเรา แต่เรานั้นไม่ทราบเลยว่ามันคืออะไร ใช้งานยังไงหรือมีประโยชน์อะไรบ้าง แต่ก่อนที่เราจะทำความรู้จักกับภาษา C และ C++ เรามาทำความรู้จักกับภาษาคอมพิวเตอร์กันก่อนดีกว่าค่ะ

ภาษาคอมพิวเตอร์ คืออะไร ?
ภาษาโปรแกรมคอมพิวเตอร์(Computer Programming Language) คือ ชุดคำสั่งที่นักเขียนโปรแกรม หรือโปรแกรมเมอร์ (Programmer) เขียนโปรแกรมซอร์สโค้ด (Source Code) ที่ถูกต้องตามหลักไวยากรณ์ของภาษาโปรแกรมคอมพิวเตอร์ เพื่อให้สามารถติดต่อสื่อสาร ควบคุมการรับส่งข้อมูล และสั่งให้คอมพิวเตอร์ทำงานตามที่นักเขียนโปรแกรมต้องการได้ ซึ่งภาษาโปรแกรมคอมพิวเตอร์ในปัจจุบันนั้น มีหลายภาษาให้เลือกใช้งาน ขึ้นอยู่กับความถนัดหรือความสามารถของนักพัฒนาโปรแกรม (Programmer) ที่จะเลือกใช้ภาษาโปรแกรมให้เหมาะกับโปรแกรมหรือเหมาะสมกับงานที่จะนำไปใช้ เช่น ภาษา C,       ภาษา ASP, ภาษา Delphi, ภาษาHTML เป็นต้น      

 _____________________________________
ภาษา C, C++ คืออะไร ?



 ภาษา ถูกพัฒนาขึ้นโดย Dennis Ritchie ในปี ค.ศ. 1972 ที่ห้องปฏิบัติการเบลล์ของ
บริษัท AT&T เป็นภาษาที่ใช้เขียนระบบปฏิบัติการ UNIX ซึ่งเป็นระบบปฏิบัติการที่ได้รับความ
นิยมคู่กับภาษาซี และมีการใช้งานอยู่ในเครื่องทุกระดับ

ภาษา C เป็นภาษาระดับสูงที่ได้รับความนิยมในหมู่นักเขียนโปรแกรมเป็นอย่างมาก
เนื่องจากภาษา C เป็นภาษาที่รวมเอาข้อดีของภาษาระดับสูงในเรื่องของความยืดหยุ่น และ
ไวยากรณ์ที่ง่ายต่อการเข้าใจกับข้อดีของภาษาแอสเซมบลีในเรื่องของประสิทธิภาพและความ
เร็วในการทำงาน ทำให้โปรแกรมที่พัฒนาด้วยภาษาซีทำงานได้เร็วกว่าโปรแกรมที่เขียนด้วย
ภาษาระดับสูงอื่น ๆ ในขณะที่การพัฒนาและแก้ไขโปรแกรมสามารถทำได้ง่ายเช่นเดียวกับภาษา
ระดับสูงทั่ว ๆ ไป นอกจากนี้ภาษา C ยังได้มีการพัฒนาก้าวหน้าขึ้นไปอีก โดยทำการประยุกต์
แนวความคิดของการโปรแกรมเชิงวัตถุเข้ามาใช้ในภาษา ทำให้เกิดเป็นภาษาใหม่คือ C++
(++ ในความหมายของภาษาซี คือ การเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งนั่นเอง) ซึ่งเป็นภาษาที่ได้รับความนิยมใช้
ในงานพัฒนาโปรแกรมอย่างมาก
 _____________________________________
คุณสมบัติของภาษาซี



- เป็นภาษาที่มีลักษณะเป็นโครสร้างจึงเขียนโปรแกรมง่าย โปรแกรมที่เขียนขึ้นจะทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูง สั่งงานคอมพิวเตอร์ได้รวดเร็วกว่าภาษาระดับสูงอื่นๆ

- สั่งงานอุปกรณ์ในระดับคอมพิวเตอร์ได้เกือบทุกส่วนของฮาร์ดแวร์ซึ่งภาษาระดับสูงภาษาอื่นทำงานดังกล่าวได้น้อยกว่า

- คอมไพเลอร์ภาษาซีทุกโปรแกรมในท้องตลาดจะทำงานอ้างอิงมาตรฐาน (ANSI = Ameri-can National Standard's Institute) เกือบทั้งหมด จึงทำให้โปรแกรมที่เขียนขึ้นด้วยภาษาซีสามารถนำไปใช้กับคอมพิวเตอร์ได้ทุกรุ่นที่มาตรฐาน ANSI รับรอง

- โปรแกรมที่เขียนขึ้นด้วยภาษาซีสามารถนำไปใช้กับเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้ซีพียูต่างต่างเบอร์กันได้หรือกล่าวได้ว่าโปรแกรมมีความยืดหยุด (Provability) สูง

- สามารถนำภาษาซีไปใช้ในการเขียนโปรแกรมประยุกต์ได้หลายระดับ เช่น เขียนโปรแกรมจัดระบบงาน (OS) คอมไพเลอร์ของภาษาอื่น โปรแกรมสื่อสารข้อมูล โปรแกรมจัดฐานข้อมูลโปรแกรมปัญญาประดิษฐ์ (AI = Artificial Intelligent) รวมทั้งโปรแกรมคำนวณงานทางด้านวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมศาสตร์ เป็นต้น

- มีโปรแกรมช่วย (Tool Box) ที่ช่วยในการเขียนโปรแกรมมาก และราคาไม่แพงหาซื้อได้ง่าย เช่น Turbo C, Borland C เป็นต้น

- สามารถประกาศข้อมูลได้หลายชนิดและหลายรูปแบบ ทำให้สะดวกรวดเร็วต่อการพัฒนาโปรแกรมตามวัตถุประสงค์ของผู้ใช้

- ประยุกต์ใช้ในงานสื่อสารข้อมูลและงานควบคุมที่ต้องการความแม่นยำในเรื่องเวลา (Real Time Application) ได้กล่าวว่าภาษาระดับสูงอื่นๆ หลายๆ ภาษา

- สามารถเขียนโปรแกรมเชิงวัตถุ (OOP = Object Oriented Programming) ได้ หากใช้ภาษาซีรุ่น Turbo C++ ขึ้นไป ทำให้สามารถพัฒนาโปรแกรมประยุกต์เพื่อใช้งานได้กว้างขวางมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม

 _____________________________________
ข้อดี ข้อเสียของภาษา C, C++
ภาษา C
ข้อดี ภาษา C ใช้ได้ในไมโครคอมพิวเตอร์ ตั้งแต่ขนาด 8 บิต 16 บิต 32 บิต มินิคอมพิวเตอร์ หรือ คอมพิวเตอร์ระดับเมนเฟรม มีการพัฒนาการใช้งาน เพื่อให้เป็นมาตรฐาน
ข้อเสีย การเขียนโปรแกรมเพื่อให้ได้ผลลัพธ์แบบเดียวกันอาจทำได้หลายรูปแบบตัวดำเนินการบางตัวอาจทำให้สับสน

ภาษา C++
ข้อดี สามารถเขียนโปรแกรมภาษา C ได้ทั้งหมด ใช้ง่ายกว่าภาษา C
ข้อเสีย C++ เวลาสร้าง function แล้วต้องสร้างไว้ตรงข้างบนไม่อย่างนั้นก็จะมองไม่เห็น
 _____________________________________
             ตัวอย่างการเขียนโปรแกรมด้วยภาษา C และ C++
                   #include <stdio.h>
                    #include <conio.h>
                    int   main()
                   {
                            int i, j;
                            printf("Put integer :");
                            scanf ("%d", &i);
                            printf("n========n");
                            j = 0;
                            while (i > j)
                           {
                            printf("%d\n", ++j);
                            }
                           getch();
                    }
 _____________________________________
ตัวอย่างการเริ่มต้นใช้งานโปรแกรม



เป็นไงกันบ้างคร้าาา เพื่อนๆพอจะรู้เรื่องราวของภาษาC,C++ มากขึ้นแล้วใช่ไหมละคะ เห็นไหมว่าเป็นเรื่องใกล้ตัวเราม้ากกกกก หากเรารู้ไว้ก็ไม่เสียหาย แถมยังสามารถนำมาใช้ประโยชน์ในชีวิตได้อีกด้วยนะจ้ะ วันนี้ลี่ก็ขอลากันไปก่อน กราบบบสวัสดีค่าาา จุ้บๆ





 เครดิตเนื้อหา
http://www.krujintana.com/content/unit1.html

https://sites.google.com/site/cowboyaing/khlang-khwam-ru-khu-payya-com/phasa-khxmphiwtexr
http://www.tice.ac.th/division/website_c/about/page2.html

วันอังคารที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2558

Social Network กับนักเรียนและสังคมไทย(Week3)


รูปภาพจากhttp://worldsgreatesttshirt.com/

       สวัสดีค่าาาา พบกับลี่เช่นเคยนะคะ เพื่อนๆจำได้ไหมคะว่าลี่เคยนำเสนอเรื่อง เทคโนโลยีกับชีวิตประจำวันของนักเรียนกันให้ชมไปแล้วนะคะ หรือถ้าใครยังไม่ได้เข้าไปชมก็ลองเข้าไปชมไปอ่านกันได้ที่ลิงค์นี้เลยนะค้าา http://sauysauysally.blogspot.com/2015/06/say-hi.html ค่ะ อย่างที่ได้เคยกล่าวไว้ว่าเทคโนโลยีในชีวิตประจำวันของเรานั้นสำคัญขนาดไหน แต่วันนี้จะมาขอเจาะลึกเกี่ยวกับเรื่อง Social Network กับนักเรียนและสังคมไทยกันค่ะ ว่าจะมีผลกระทบต่อชีวิตประจำวันเราแค่ไหน ฝากเพื่อนๆติดตามด้วยนะค้าา

ขอบคุณรูปภาพจากhttp://topyaps.com/top-10-reasons-why-social-networking-is-a-waste-of-time

    อันที่จริงแล้ว Social Network นั้นไม่ได้เพิ่งมีเมื่อเร็วๆนี้ แต่ Social Network นั้นมีมาตั้งแต่ปีค.ศ.1995 โดยจุดเริ่มต้นของ Social networksเกิดจากเว็บไซต์  classmates.com เมื่อปี  1995 และเว็บไซต์  SixDegrees.com ในปี 1997 ซึ่งเป็นเว็บไซต์ที่จำกัดการใช้งานเฉพาะนักเรียน ที่เรียนในโรงเรียนเดียวกัน  เพื่อสร้างประวัติ  ข้อมูลการสื่อสาร  ส่งข้อความ  และแลกเปลี่ยนข้อมูล  ที่สนใจร่วมกันระหว่างเพื่อนนักเรียนในลิสต์เท่านั้นต่อมาในปี 1999 เว็บไซต์ epinions.com  ที่พัฒนาโดย  Jonathan Bishop  ก็ได้มีการเพิ่มฟังก์ชั่นในส่วนของการที่ผู้ใช้สามารถควบคุมเนื้อหาและติดต่อถึงกันได้  ไม่เพียงแต่เพื่อนในลิสต์เท่านั้น

รูปภาพจากhttp://faceblog.in.th/2013/06/google-plus-is-second-top-social-network/

       แต่หากเรามาดูสถิติการใช้งาน Social Network ของนักเรียนประเทศสหรัฐอเมริกาแล้วนั้น เราก็จะพบว่า มีนักเรียนเพียง 59% เท่านั้นที่ใช้ Social Network เพื่อการศึกษา ว้าวววววว ใช้ Social Network ผิดจุดประสงค์กันมากเลยนะเนี่ยยย แย่แล้ววววTT^TT อย่ามัวไปดูแต่ประเทศอื่น เราลองมาดูของประเทศไทยเรากันบ้างจ้าา
ขอบคุณรูปจากhttp://www.daat.in.th/index.php/thailand-social-media-landscape-2014/

โหหหหห เยอะใช่เล่นเลยนะเนี่ยยย คนไทยไม่แพ้ชาติไทยในโลกจริงๆจ้าา Facebook มียอดผู้ใช้งาน 30 ล้านคน ใช้งานผ่านมือถือ 28 ล้านคน และยอดผู้เข้าใช้งานทุกวันอยู่ 19.8 ล้านสำหรับผู้ใช้งานผ่านมือถือนั้น แบ่งตามระบบปฏิบัติการออกมาได้เป็น
- Android 19.2 ล้านคน
- Apple iOS 8.6 ล้านคน
- Windows Phone 1.1 ล้านคน
- อื่นๆ 7.6 ล้านคน                                                                                                                                             YouTube มียอดผู้ใช้งาน 26.25 ล้านคน ใช้วิดีโออัพโหลด 3.4 ล้านวิดีโอ นับยอดผู้เข้าชม (Unique Visitors) ต่อเดือน 7,822 ล้านครั้ง และจำนวนครั้งในการเข้าชมวิดีโอต่อเดือนสูงถึง 1,506 ล้านล้านครั้ง Twitter มียอดผู้ใช้งาน 4.5 ล้านคน และมีจำนวนคนที่ทวีตข้อความเป็นภาษาไทยอยู่ที่ 3.4 ล้านคน Instagram มียอดผู้ใช้งาน 1.7 ล้านคน แบ่งเป็นผู้ชาย 35% ผู้หญิง 65% หรือคิดเป็น 595,000 คน และ 1.1 ล้านคนตามลำดับ สำหรับสถิติในส่วนต่างๆของแต่ละโซเซียลนั้นสามารถดูได้จาก Infographic ที่แสดงอยู่ด้านล่างนี้ซึ่งจะมีในส่วนของรายละเอียดสำคัญๆและน่าสนใจเพิ่มเติมจากที่ทางสมาคมฯ และเว็บไซต์มาร์เก็ตติ้งอุ๊ปส์ดอทคอมได้รวบรวมเอาไว้ในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี 2557 ที่ผ่านมานี้ ไม่น่าเชื่อเลยนะคะว่าในประเทศไทยนั้นจะมีคนที่ใช้งาน Social Network มากขนาดนี้

รูปภาพhttp://www.marketingoops.com/reports/metrix/thai-internet-users/


         เรามาดูกันต่อเลยดีกว่า Social Network นั้นมันคืออะไรกันแน่นะ? 
 Social Network หรือ เครือข่ายสังคม (ชุมชนออนไลน์) เป็นรูปแบบของเว็บไซต์ ในการสร้างเครือข่ายสังคม สำหรับผู้ใช้งานในอินเทอร์เน็ต เขียนและอธิบายความสนใจ และกิจการที่ได้ทำ และเชื่อมโยงกับความสนใจและกิจกรรมของผู้อื่น ในบริการเครือข่ายสังคมมักจะประกอบไปด้วย การแช็ต ส่งข้อความ ส่งอีเมลล์ วิดีโอ เพลง อัปโหลดรูป บล็อก ครบครันขนาดนี้ จะไม่ให้ใช้ได้ยังไงกันน้าาา
      
       แล้ว Social Network ที่เราใช้อยู่ทุกวันนี้มีข้อดีข้อเสียอะไรบ้างนะ?

ขอบคุณรูปภาพจากhttp://socialmaxx.blogspot.com/

ข้อดีมีเพียบบบ!
- สามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลความรู้ในสิ่งที่สนใจร่วมกันได้
- เป็นคลังข้อมูลความรู้ขนาดย่อมเพราะเราสามารถเสนอและแสดงความคิดเห็น แลกเปลี่ยนความรู้ หรือตั้งคำถามในเรื่องต่างๆ เพื่อให้บุคคลอื่นที่สนใจหรือมีคำตอบได้ช่วยกันตอบ
- ประหยัดค่าใช้จ่ายในการติดต่อสื่อสารกับคนอื่น สะดวกและรวดเร็วเป็นสื่อในการนำเสนอผลงานของตัวเอง เช่น งานเขียน รูปภาพ วีดิโอต่างๆ เพื่อให้ผู้อื่นได้เข้ามารับชมและแสดงความคิดเห็น
- ใช้เป็นสื่อในการโฆษณา ประชาสัมพันธ์ หรือบริการลูกค้าสำหรับบริษัทและองค์กรต่างๆ ช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้ลูกค้า
- ช่วยสร้างผลงานและรายได้ให้แก่ผู้ใช้งาน เกิดการจ้างงานแบบใหม่ๆ ขึ้น
- คลายเคลียดได้สำหรับผู้ใช้ที่ต้องการหาเพื่อนคุยเล่นสนุกๆสร้างความสัมพันธ์ที่ดีจากเพื่อนสู่เพื่อนได้

ข้อเสียก็มีไม่น้อยยยย!
- เว็บไซต์ให้บริการบางแห่งอาจจะเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวมากเกินไป หากผู้ใช้บริการไม่ระมัดระวังในการกรอกข้อมูล อาจถูกผู้ไม่หวังดีนำมาใช้ในทางเสียหาย หรือละเมิดสิทธิส่วนบุคคลได้
- Social Network เป็นสังคมออนไลน์ที่กว้าง หากผู้ใช้รู้เท่าไม่ถึงการณ์หรือขาดวิจารณญาณ อาจโดนหลอกลวงผ่านอินเทอร์เน็ต หรือการนัดเจอกันเพื่อจุดประสงค์ร้าย ตามที่เป็นข่าวตามหน้าหนังสือพิมพ์
เป็นช่องทางในการถูกละเมิดลิขสิทธิ์ ขโมยผลงาน หรือถูกแอบอ้าง เพราะ Social Network Service เป็นสื่อในการเผยแพร่ผลงาน รูปภาพต่างๆ ของเราให้บุคคลอื่นได้ดูและแสดงความคิดเห็น
- ข้อมูลที่ต้องกรอกเพื่อสมัครสมาชิกและแสดงบนเว็บไซต์ในรูปแบบ Social Network ยากแก่การตรวจสอบว่าจริงหรือไม่ ดังนั้นอาจเกิดปัญหาเกี่ยวกับเว็บไซต์ที่กำหนดอายุการสมัครสมาชิก หรือการถูกหลอกโดยบุคคลที่ไม่มีตัวตนได้
- ผู้ใช้ที่เล่น social  network และอยู่กับหน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นเวลานานอาจสายตาเสียได้หรือบางคนอาจตาบอดได้      
- ถ้าผู้ใช้หมกหมุ่นอยู่กับ social  network มากเกินไปอาจทำให้เสียการเรียนหรือผลการเรียนตกต่ำลงได้จะทำให้เสียเวลาถ้าผู้ใช้ใช้อย่างไร้ประโยชน์


ขอบคุณรูปภาพจากhttp://www.cmswire.com/cms/customer-experience/what-social-networks-should-your-business-be-on-hint-not-all-021065.php
ถึง social  network จะมีทั้งข้อดีและข้อเสีย บางคนอาจจะมองมามีประโยชน์มาก แต่บางคนก็อาจจะมองได้ว่ามีโทษอย่างมากมาย แต่อย่างไรก็ตาม social  network นั้นจะมีประโยชน์หรือไม่ก็ตามขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของผู้ใช้งาน แต่เราก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าคนในสังคมไทยปัจจุบันนั้น ยอมให้ social  network เข้ามามีบทบาทในชีวิตมากยิ่งขึ้น
      ท้ายนี้ ลี่ก็ขอให็ทุกคนในสังคมไทยนี้ใช้วิจารณญาณในการตัดสินและการเลือกใช้ social  network กันให้มากๆนะค้าา ยังไงก็ต้องขอขอบคุณ social  network ที่ทำให้เราได้มาเจอกันและขอขอบคุณเพื่อนๆที่เข้ามาติดตามอ่านกันด้วยนะค้าาา เลิฟยูววววว ^^

ขอบคุณรูปภาพจากhttp://chulawired.com/how-can-social-network-become-the-fifth-requisite/


ขอบคุณรูปภาพและข้อมูลดีๆ จาก https://sites.google.com/site/socialnetworkfc/khxdi---khx-seiy-khxng-social-network


วันอังคารที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2558

เรื่องที่นักเรียนสนใจ(Week2)

สวยหรูดูแพง! ทำเองได้ง่ายๆ
    กราบบบบบบสวัสดีเพื่อนพี่น้องชาวเว็บบล๊อกเกอร์นะค้าาา  วันนี้ลี่มีเรื่องราวดีๆมาให้คุณผู้หญิงได้ชมกันอีกแล้วนะค้าาา เป็นเรื่องเกี่ยวกับความสวยความงามค่ะ เวลาเราเปิดหน้าจอทีวีขึ้นมาดู เราก็จะเห็นดาราคนต่างๆแต่งหน้าดูสวยหรูและดูแพงมาก! ว้าวววววว!! เห็นแบบนี้เขาต้องจ้างช่างแต่งหน้าและใช้เครื่องสำอางค์แพงๆกันแน่นอนเลยยยย สาวๆหลายคนคงจะคิดว่าแล้วการที่เราจะมีใบหน้าที่ถูกแต่งให้ดูสวยหรูดูแพงแบบนั้น จะทำได้ยังไงกันล่ะ ฮรืออออ แต่อันนที่จริงแล้วเราสามารถ แต่งหน้า สวย! หรู! ดูแพง! ได้เองและไม่ต้องใช้เครื่องสำอางค์แพงมากขนาดนั้นด้วยค่าา แจ๋วเลยใช่ไหมคะ ลองมาดูกันค่ะ ว่าเราจะสามมารถแต่งหน้าแบบนั้นกันได้ยังไง ไปดูกันเลยจ้าาา

      คอนแทคเลนส์ใส่แล้วเห็นผลจริง! สาวๆหลายคนอาจจะมีปัญหาเกี่ยวกับตา เช่น ตาตี่ ตาเล็กเกินไปแต่งหน้ายังไงก็ไม่สวย หรือบางคนอาจจะตาดตเกินไปแต่งหน้าแล้วดูดุ คอนแทคเลนส์นั้นเป็ฯตัวเลือกที่ดีสำหรับสาวๆที่มีปัญหา หากสาวๆลองเลือกคอนแทคเลนส์ที่เหมาะกับตาของตัวเองได้ถือว่ามีชัยไปกว่าครึ่ง! ว้าวววว!!! เห็นแล้วตกใจหนักมากกกกก


       
       เลือกสีสักนิดชีวิตดี๊ดี! หากเราเป็นคนชอบแต่งตัวสีจัดจ้านแล้งล่ะก็ เราก็ไม่ควรแต่งหน้าสีจัดไปสู้กับเสื้อผ้านะค้าาา เพราะฉะนั้นก็เลือกสีนั้นเป็ฯเรื่องสำคัญ อีกทั้งเราควรมีเทคนิคในการไล่สีสักเล็กน้อยในการแต่งหน้าเพื่อให้หน้าของเราดูเป็นธรรมชาติมากยิ่งขึ้น อีกทั้งนี่เป็นหัวใจสำคัญในการแต่งหน้าให้สวยหรูดูแพงเลยล่ะค่าาาาา บางคนอาจจะมองว่ายากแต่หากเราหมั่นฝึกและศึกษาเพิ่มนิดหน่อยเราก็สามารถแต่งหน้าสวยๆแบบนี้ได้แล้วล่ะจ้า


เห็นไหมล่ะคะ ดูจากรูปแล้วนางทั้งหลายจัดชุดสีแดงมางาน หน้าของนางก็จะเบาลงเพื่อไม่ให้ไปแข่งกับชุดของพวกนางจ้า และนี่ก็เป็นเทคนิคง่ายๆที่เราสามารถนำมาปรับใช้กับชีวิตประจำวันได้สบายๆจ้า

        คุณหลอกดาว!  เวลากรีดอายไลเนอร์ (Eye Liner) กรีดตาบนแล้วดูหลอกตา ก็ให้ลองใช้ดินสอเขียนลายเนอร์ตรงเส้นขนตาดูสิคะ เพราะมันจะทำให้ขนตาของเรานั้นดูหน้าขึ้นเป็นกองเลยล่ะ



    จะงอนไปไหนจ๊ะ! ารดัดขนตาให้งอนนั้นสาวๆคงต้องดัดซ้ำๆ หลายที เป็ฯสาเหตุที่ทำให้ขนตาหลุดได้ หรือบางครั้งอาจจะไม่งอนเท่าที่เราคิด แนะนำให้สาวๆลองวิธีที่แค่คุณนำที่ดัดขนตาไปทำให้ร้อนหรืออุ่นเบาๆ จากนั้นนำมาดัดขนตา รับรองว่าเด้งสุดขีด! ภายในครั้งเดียว


     นั่นสงครามหรือปล่าว? สาวๆ คงเซ็งมากหากรีบออกไปทำงาน แล้วปัดมาสคาร่า (Mascara) เลอะเทอะ จนคนดห็นเห็นคิดว่าคุณไปทำสงครามมา! แถมยังต้องมานั่งเช็ดแล้วปัดใหม่กันอีก มีหนึ่งวิธีที่สะดวกและง่ายเว่อร์ เพียงแค่นำกระดาษทาทาบบริเวณเปลือกตา จากนั้นปัดมาสคาร่า เพียงแค่นี้ก็ไม่เปื้อนหนังตาอีกต่อไปแล้วล่ะ เย้!!!!!


    สีทนได้! หากสาวๆมีปัญหาเรื่องลิปติกไม่ติดทน ดื่มน้ำเพียงไม่กี่แก้วก็หายหมด ก็อาจจะเซ็งได้ ขอแนะนำวิธีการสุดง่ายดาย เพียงแค่ เพียงแค่ใช้แป้งฝุ่นที่เราใช้โบ๊ะหน้ามาโบ๊ะปากก่อนทาลิปสติก จากนั้นนำลิปสติกที่สีชอบแบบเนื้อด้านมาทา แล้วทาทับด้วยลิปเนื้อธรรมดาแค่นี้ ก็ทำให้สีลิปอยู่ติดทนนานทั้งวัน


        

      ไม่ยากเลยใช้ไหมล่ะคะ สำหรับเทคนิคและวิธีการต่างๆที่สามมารถสวยหรูดูแพงได้ แต่อย่างไรก็ตามสาวๆก็ต้องฝึกฝนกันด้วยนะค้าา ไม่ใช้ว่าทุกคนเกิดมาจะทำเป็น แต่ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ไม่เกินความสามารถของเราหรอกนะค้าา ต่อไปสาวคงสวยหรูดูแพงกันด้วยราคาย่อมเยาว์และไม่ต้องพึ่งช่างแต่งหน้ากันแล้วนะค้าา ขอให้สาวขาวบล๊อกเกอร์ทุกคนสวยวันสวยคืน และเข้ามาติดตามกันใหม่นะค้าาา ขอบคุณมากค่าาา จุ้บๆๆ

ขอบคุณรูปภาพและข้อมูลดีๆจาก http://www.manager.co.th/CelebOnline/ViewNews.aspx?NewsID=9570000021324

วันพุธที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2558

เทคโนโลยีกับชีวิตประจำวันของนักเรียน (Week1)

   

เทคโนโลยีกับชีวิตประจำวันของนักเรียน 

    Say Hi!ค่าาาา เพื่อนๆพี่ๆน้องๆทุกคน วันนี้ลี่มีเรื่องราวน่าสนใจมาฝากกันค่ะ เป็นเรื่องที่ลี่คิดว่าทุกคนคงคุ้นเคยเป็นอย่างดีแล้วนะคะ แต่ เอ่..? มีใครทราบไหมคะว่าสมาร์ทโฟนที่นักเรียนใช้กันอยู่นั้น ใช้ทำอะไรบ้าง ในฐานะที่ลี่เป็นนักเรียนคนหนึ่งที่ใช้สมาร์ทโฟนเลยอยากจะมาแชร์โปรแกรมหรือแอพพลิเคชั่นต่างๆที่นักเรียนส่วนใหญ่ใช้กันในปัจจุบันกันค่าา


ขอบคุณรูปภาพจากhttp://news.siamphone.com/news-02136.html

   ถ้าหากพูดคำว่า "สมาร์ทโฟน" ในปัจจุบันลี่เชื่อว่าคงไม่มีนักเรียนคนใดไม่รู้จัก เนื่องจากเจ้าสมาร์ทโฟนที่ว่านี้ไม่เพียงแต่ให้ความบันเทิงเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่แท้ที่จริงแล้วเจ้าสมาร์ทโฟนที่เรารู้จักนั้นมัน"สมาร์ท"สมชื่อจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นการค้นหาข้อมูลในการทำงาน ติดต่อสื่อสารหรือจะเป็นแอพพลิเคชั่นอำนวยความสะดวกมากมายให้แก่ผู้ใช้งานจนกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตนักเรียนส่วนใหญ่ในสังคมปัจจุบันนี้ไปแล้ว เพราะเหตุนี้เองเราจึงปฏิเสธได้ยากว่าสมาร์ท"จำเป็น"ต่อชีวิตประจำวันของเรา

ขอบคุณรูปภาพจากhttp://www.huffingtonpost.com/


   ทำไมสมาร์ทโฟนถึงจำเป็นต่อชีวิตเรากันล่ะ? ลี่คิดว่าคำตอบของแต่ล่ะคนคงมีไว้ในใจกันบ้างแล้ว แต่สำหรับลี่แล้วสมาร์ทโฟนมีประโยชน์มากมายหลายด้านที่จำเป็นต่อชีวิต

  อย่างแรก..การติดต่อสื่อสาร ลี่เชื่อว่าทุกคนคงไม่อยากที่จะขาดการติดต่อสื่อสารกับพ่อแม่หรือคนรู้จักในขณะจำเป็น และเราก็คงไม่อยากนัดกับเพื่อนแล้วพลัดหลงกันโดยขาดการติดต่อสื่อสาร แต่ว่าการสื่อสารของสมาร์ทโฟนนั้นมีหลายรูปแบบไม่เฉพาะการโทรเท่านั้น เรายังสามารถใช้แอพพลิเคชั่นต่างๆในการติดต่อสื่อสารได้ โดยใช้เครือข่ายอินเตอร์เน็ตเป็นจุดเชื่อมต่อกัน ลี่คิดว่าแอพพลิเคชั่นที่นักเรียนใช้กันในปัจจุบันคงหนีไม่พ้นแอพพลิเคชั่นที่ชื่อว่า "Line" เนื่องจากแอพพลิเคชั่นไลน์นี้สามมารถใช้งานได้ง่ายและรวดเร็วจึงทำให้นักเรียนส่วนใหญ่ใช้งานแอพพลิเคชั่นนี้กันอย่างแพร่หลาย ลี่เองก็เป็นหนึ่งในนักเรียนส่วนนั้นด้วยเหตุผลเดียวกันค่า





   แต่ถ้าหากว่าการติดต่อกันผ่านข้อความของกลุ่มเพื่อนจะเริ่มน้อยเกินไป แอพพลิเคชั่นอีกหนึ่งแอพพลิเคชั่นที่นักเรียนส่วนใหญ่ใช้กันก็คงเป็นแอพพลิเคชั่นหน้าตาธรรมดาๆสีน้ำเงินที่มีอยู่ทุกในทุกเครื่องของสมาร์ทโฟน "Facebook" เฟสบุ๊คนั้นไม่ได้มีไว้เพียงติดต่อสื่อสารกับบุคคลต่างๆแล้วเฟสบุ๊คยังสามารถอะไรต่างๆได้มากมาย เช่น แชร์ไฟล์งาน แชร์รูปภาพต่างๆที่เราต้องการให้เพื่อนหรือผู้อื่นเห็นได้อย่างสะดวกสบาย ลี่เองใช้เฟสบุ๊คเพื่อติดต่อกับบุคคลต่างๆและยังใช้เฟสบุ๊คในการแชร์ไฟล์กับเพื่อนในห้องเพราะเป็นช่องทางที่สะดวกรวดเร็วมากทีเดียวเลยล่ะค่ะ!



   และอีกหนึ่งแอพพลิเคชั่นที่ชื่อว่า "Instagram" ถ้าหากว่าเรานั้นต้องการจะติดตามความเคลื่อนไหวขอใครสักคนละก็.. ลี่ขอแนะนำแอพพลิเคชั่นนี้เลยค่ะ เนื่องจากเราจะสามารถเห็นรูปภาพของบุคคลต่างๆที่เราติดตามได้ตลอดเวลา แถมยังสามารถติดต่อพูดคุยกันได้ภายใต้รูปถาพอีกด้วย แจ๋วไปเลยใช่ไหมละค้าา


    อย่างที่สองที่ต้องยกให้สมาร์ทโฟนเป็นสิ่งจำเป็นนั่นก็คือการบันทึกเรื่องราวลงไปในเจ้าสามาร์ทโฟนของเราในรูปแบบต่างๆได้ในหลายช่องทาง เช่น การถ่ายภาพ การถ่ายวีดีโอหรือจะเป็นการอัดเสียงของเราลงไปก็เป็นเรื่องง่ายดายเลยค่ะ นักเรียนส่วนใหญ่ในปัจจุบันนำความสามารถของสมาร์ทโฟนพวกนี้มาใช้ในชีวิตประจำวันได้อย่างดีเยี่ยม เราสามารถเก็บภาพได้ทุกที่ที่เราไป สามารถถ่ายเหตุการณ์ต่างๆไว้ได้หรือจะอัดเสียงอาจารย์ขณะสอนเราก็จะไม่พลาด!



    หากว่าเราเบื่อที่จะพกสมุดจดบันทึกไปที่โรงเรียนแล้วก็สามมารถพกเจ้าสมาร์ทและแอพพลิเคชั่นในเครื่องไปเรียนได้แบบเบาตัวสบายใจเลยล่ะ

   
    อย่างที่สาม..การสืบค้นข้อมูล เราไม่จำเป็นต้องเดินเข้าห้องสมุดหรือร้านหนังสืออีกต่อไปเมื่อเรามีสามร์ทโฟนในการหาข้อมูลต่างๆไม่ว่าจะเป็นรูปหรือข้อมูล เราก็สามารถหาได้อย่างสะดวกรวดเร็วทันใจ


       

หรือว่าถ้าต้องอยากอ่านหนังสือทั้งเล่มก็สามมารถดาวน์โหลดได้ไม่ต้องรอใครเลยจ้า



   อย่างสุดท้าย..ท้ายสุด ความบันเทิงนั่นเอง! หากเรากำลังเศร้าใจหรือต้องการหาตัวช่วยคลายเครียดสมาร์ทโฟนเป็นตัวเลือกที่ดีของเราเสมอ มีแอพพลิเคชั่นมามายที่สามารถให้ความบันเทิงแก่เราได้ ทั้งดูหนัง ฟังเพลง เล่นดนตรีและอีกมากมาย ยิ่งในช่วงวันเรียนเรื่องการเรียนเป็นเรื่องที่ค่อนข้างจะเครียดแต่เมื่อเรามีสมาร์ทโฟน สมาร์ทโฟนสามารถช่วยคุณได้!

ภาพจากhttp://the-petersongroup.com/blog/2015/04/27/mobile-phone-population-outnumber-humans/
   
    แต่สมาร์ทโฟนจะจำเป็นต่อทุกคนหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับผู้ใช้งานว่าผู้ใช้ต้องการมากแค่ไหน แต่ทั้งนนี้ทั้งนนั้นสมาร์ทโฟนก็เป็นแค่อุปกรณ์อำนวยความสะดวกของเรา ลี่ว่าไม่ควรที่จะไปยึดติดกับสิ่งอำนวยความสะดวกพวกนี้มากเกินไปนะคะ ถึงสมาร์ทโฟนจะมีขอดีแต่ก็มีข้อเสียเช่นเดียวกัน เพราะฉะนั้นเราก็อย่าลืมใส่ใจคนรอบข้างและครอบครัวกันด้วยนะค้าา 

รูปภาพจากhttp://board.postjung.com/702521.html
                      
   
ลี่หวังว่าบทความนี้น่าจะถูกใจวัยรุ่นกันนะค้าาาา แต่บทความนี้ก็เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของลี่ หากว่าไม่ถูกใจอย่างไรก็ติชมกันได้เลยนะค้า ขอบคุณที่ติดตามกันค่า